วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การเลือกใช้เน็ตสำหรับร้านเน็ต




"ร้านเน็ตที่ดี เน็ตต้องเร็ว เครื่องต้องแรง" อินเตอร์เน็ตที่เราจะนำมาใช้ในร้านนั้นถือเป็นตัวแปรสำคัญอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วถูกใจกับความเร็วที่ร้านแล้วล่ะก็ อาจเป็นลูกค้าประจำกันไปอีกนาน แต่หากมานั่งเล่นแล้วเน็ตช้า เปิดเว็บหน้าไหนก็ช้า อัพรูป แชร์วีดีโอก็ช้า แถมเล่นเกมส์ยัง Lag อีกด้วย แบบนี้แล้วคงไม่กลับมาเล่นที่ร้านเราแน่ๆ

ร้านเน็ตสมัยนี้ต้องมีอินเตอร์เน็ตอย่างน้อย 2 สาย และใช้งานระบบแยกเน็ต-เกมส์ ออกจากกัน เพราะถ้าเราใช้อินเตอร์เพียงสายเดียว เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดข้อมูล, เกมส์, แพทช์เกมส์ หรืออัพโหลด รูป วีดีโอต่างๆ จะใช้ Bandwidth เป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุให้ผู้ที่เล่นเกมส์ออนไลน์ ซึ่งต้องติดต่อกับเซิฟเวอร์หลัก หรือผู้เล่นอื่นอยู่ตลอดเวลาเกิดอาการ Lag ได้

การพิจารณาเลือก Internet Packet จะแยกเป็น 2 แบบ คือ

1. การเลือกสายเกมส์

เกมส์ออนไลน์เป็นบริการที่ไม่ได้ใช้ Bandwidth สูงเหมือนการใช้เน็ตทั่วไป แต่ต้องการอินเตอร์เน็ตที่มีค่า Latency น้อยๆ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ Ping ต่ำๆ นั่นเอง (เอ๊ะ ง่ายขึ้นหรือเปล่า) และถ้าเรามีเกมส์ออนไลน์ที่เซิฟต่างประเทศ ต้องเลือกอินเตอร์เน็ตที่มี Bandwidth ออกต่างประเทศดีๆด้วย เช่น CAT, 3BB Premier ซึ่งค่าบริการจะสูงกว่าแพคเก็ตทั่วไป

Download
ค่า Download ในสายเกมส์ออนไลน์นั้นอาจไม่ต้องพิจารณามากนัก เพราะไม่ได้ใช้ Bandwidth มากเท่าไหร่

Upload
ค่า Upload ถือเป็นหัวใจของสายเกมส์เลยก็ว่าได้ เพราะต้องส่งข้อมูลติดต่อเซิฟเวอร์เกมส์อยู่ตลอดเวลา สำหรับร้านขนาดเล็ก (ไม่เกิน 25 เครื่อง) ควรใช้อินเตอร์เน็ตที่มีค่า Upload อย่างน้อย 1 Mbps และถ้าลูกค้าในร้านชอบเล่นเกมส์ DotA, RayCity ซึ่งกิน Bandwidth Upload มากๆ ก็ควรมีค่า Upload 2 Mbps ขึ้น

สำหรับร้านขนาดกลาง (25 - 50 เครื่อง) และร้านขนาดใหญ่ (มากกว่า 50 เครื่อง) ก็ให้เลือกค่า Upload ให้สูงขึ้นตามความเหมาะสม หรือจะใช้สายเกมส์มากกว่า 1 สาย ก็เป็นทางเลือกที่ดี เช่น DotA 1 สาย เกมส์ที่เหลือ 1 สาย



2. การเลือกสายเน็ต

สายเน็ตคือสายที่รองรับบริการทั้งหมด ยกเว้นเล่นเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นเปิดเว็บ, แชท, ดูวีดีโอ, โหลดเกมส์, แพทช์เกมส์ เป็นต้น จึงต้องมี Bandwidth ให้เหมาะสมกับจำนวนเครื่องในร้าน

Download
ยิ่งเยอะยิ่งดี ดูจะเป็นคำนิยามสำหรับค่า Download สายเน็ตได้ดีที่สุด เพราะมันรองรับแทบทุกบริการในร้าน และทุกวันนี้แพคเก็ตอินเตอร์เน็ตต่างๆล้วนมีค่า Download ที่สูงมาก เช่น 20, 50, 100, 200 Mbps

สำหรับร้านขนาดเล็ก ควรใช้อินเตอร์เน็ตที่มีค่า Download อย่างน้อย 20 Mbps ขึ้นไป แต่หากต้องการดึงดูดลูกค้า หรือเปิดในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง ก็จัดเพิ่มไปตามงบประมาณได้เลยครับ เพราะค่า Download นี้ ลูกค้าที่มาใช้บริการเค้ารับรู้ได้นะครับ แค่ดาวน์โหลดไฟล์ใหญ่ซักไฟล์ ก็รู้แล้วครับ ว่าร้านไหนเร็วกว่า และส่วนตัวไม่แนะนำให้ใช้สายเน็ตมากกว่า 1 สาย เพราะโหลดไฟล์เดี่ยวๆ ไม่เร็ว การดูแลมากขึ้น และถ้าหากเป็นคนละ ISP (ผู้ให้บริการ) ก็เกิดปัญหาได้อีก

Upload
หากเป็นสมัยก่อนคงไม่ค่อยสำคัญมากเท่าไหร่ แต่ในสมัยนี้ เป็นยุคของ Social Network ที่ผู้คนนิยมอัพรูป แชร์วีดีโอ ต่างๆมากมาย เราต้องทำร้านของเราให้ตอบโจทย์นี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นค่า Upload ที่เลือกใช้ควรจะตามค่า Download ไปด้วย เช่น ถ้า Download 20 Mbps ค่า Upload ควรจะ 2 Mbps ตามไปเรื่อยๆแบบนี้ครับ 20/2 Mbps, 50/5 Mbps, 100/10 Mbps



ข้อดีอีกอย่างของระบบแยกเน็ตเกมส์ คือ เมื่อเราใช้สายเกมส์กับสายเน็ต คนละ ISP กัน เมื่อสายใดสายหนึ่งเสีย ระบบแยกเน็ต-เกมส์ จะใช้สายที่เหลือรับบริการแทน ทำให้ไม่ต้องปิดร้านเสียรายได้

ผมคงไม่เจาะจงลงไปว่าผู้ให้บริการเจ้าไหนดีที่สุด เพราะแต่ละเจ้าก็มีปัญหามากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป บางเจ้าดีมากในพื้นที่หนึ่ง แต่กลับแย่ในอีกพื้นที่ บางเจ้าดี ณ เวลานี้ แต่เวลาต่อมาไม่ดี ท่านคงต้องหาข้อมูลเรื่องการให้บริการ (Feedback) เพิ่มเติม เพื่อศึกษาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกทุกครั้ง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านเลือกอินเตอร์เน็ตได้เหมาะสม และสร้างรายได้ให้กับร้านของท่านนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น